วิตนีย์ ฮิวสตัน (อังกฤษ: Whitney Houston) หรือชื่อจริงว่า วิตนีย์ เอลิซาเบธ ฮิวสตัน (Whitney Elizabeth Houston; 9 สิงหาคม 2506 — 11 กุมภาพันธ์ 2555) เป็นนักร้องอเมริกัน , นักแสดง , โปรดิวเซอร์ , และนางแบบในปี พ.ศ. 2552 , บันทึกสถิติโลกกินเนสส์ อ้างถึงในฐานะที่เป็นหญิงที่ได้รับรางวัลมากที่สุด ฮิวสตัน ยังเป็นหนึ่งในนักร้องเพลงป็อปที่มียอดขายดีตลอดกาล โดยประมาณ 170-200 ล้านแผ่นเสียง โดยเธอเองมีผลงานสตูดิโออัลบั้มหกอัลบั้ม , โดยมีอัลบั้มเทศกาลพิเศษ One Wish : The Holiday Album (อัลบั้มฉลองปีใหม่) และสามอัลบั้มเพลงประกอบภาพยนตร์ , โดยทั้งหมดที่กล่าวมายังได้รับรางวัลอัลบั้มตราเพรช , รางวัลยอดการขายยอดเยี่ยม , แพลตินัมและอัลบั้มคุณภาพ ฮาวตันก้าวข้ามและติดชาร์จเพลงฮิตจำนวนมาก ,เช่นเดียวกับความโดดเด่นของเธอใน เอ็มทีวี , เริ่มต้นด้วยวิดิโอมิวสิคเพลง How Will I Know และส่งผลให้เป็นแรงบันดาลใจแก่ศิลปินหญิงแอฟริกันอเมริกันจำนวนมากที่เดินตามรอยเท้าเธอ.
วิตนีย์ ฮิวสตันเป็นนักร้องคนเดียวที่ติดชาร์จอันดับที่ 7 ติดต่อกันจนขึ้นแท่นอันดับ 1 ใน บิลบอร์ดฮอต 100 เธอยังเป็นนักร้องอันดับที่ 2 รองจาก เอลตัน จอห์น เป็นผู้หญิงคนเดียวที่ได้อันดับ 1 ติดต่อกัน 2 ครั้งใน บิลบอร์ด 200 และได้รับรางวัลอัลบั้มโดดเด่นในบิลบอร์ดแม็กกาซีนชาร์จสิ้นปี อัลบั้มเปิดตัวของเธอ Whitney Houston กลายเป็นอัลบั้มเปิดตัวที่ขายดีที่สุดของนักร้องหญิงในประวัติศาสตร์ นิตรสาร โรลลิงสโตน บอกว่ามันเป็นอัลบั้มที่ขายดีในปี 2529 และยังติดใน 500 อัลบั้มที่ดีที่สุดตลอดกาล และติดอยู่ในอันดับ 254 ซึ่งจัดโดยแม็กกาซีนโรลลิงสโตน อัลบั้มสตูดิโอที่สองของเธอ Whitney (2530) กลายเป็นอัลบั้มแรกของนักร้องหญิงที่ขึ้นแท่นอันดับในบิลบอร์ด 200
ฮิวสตันยังได้แสดงภาพยนตร์ครั้งแรกใน The Bodyguard' (2535) (ชื่อไทย : เดอะบอดี้การ์ด เกิดมาเจ็บ เพื่อเธอ) โดยวิตนิย์ยังได้รางวัล รางวัลแกรมมี จากภาพยนตร์เรื่องนี้ จากเพลงประกอบภาพยนตร์ ใน รางวัลแกรมมี สาขาอัลบั้มแห่งปี โดยมีเพลงโดดเด่นคือ I Will Always Love You , ส่งผลให้กลายเป็นซิงเกิ้ลที่ขายดีโดยนักร้องหญิงในประวัติศาสตร์เพลง ในอัลบั้ม , ฮิวสตันยังแสดงบทบาทผลงานเดี่ยว และคณะกลุ่มผู้ชายและหญิง และขายได้มากกว่าล้านแผ่นเสียงของอัลบั้มในสัปดาห์เดียวภายใต้การตรวจสอบของระบบ Nielsen SoundScan โดยอัลบั้มนี้ยังทำให้เธอติดอันดับความชั้นนำของนักร้องหญิงในท็อป 10 อันดับของยอดการขายที่ดีที่สุดตลอดการ , เธอติดอันดับที่ 4 , ฮิวสตันยังเริ่มต้นงานการแสดงอย่างต่อเนื่องและยังมีส่วนเกี่ยวข้องกับผลงานเพลงพวกเขา , เช่นภาพยนตร์ Waiting to Exhale (2538) และ The Preacher's Wife (2539) อีกทั้งเพลงประกอบ The Preacher's Wife กลายเป็นอัลบั้มขายดีที่สุดในประวัติศาสตร์ของแนวเพลง กอสเปล
ในวันที่ 11 กุมภาพันธ์ , 2555 ฮิวสตันเสียชีวิตในห้องพักของเธอที่ณ เบเวอร์ลีฮิลตันโฮเทล , ใน เบเวอร์ลี ฮิลส์ , รัฐแคลิฟอร์เนีย รายงานการชันสูตรศพได้พิจารณาแล้วว่าเธอจมน้ำในอ่างอาบน้ำ อีกทั้งเธอเองก็เป็นโรคหัวใจและยังมีการใช้โคเคน ซึ่งคาดว่าเป็นปัจจัยที่มีผลกระทบ ข่าวการเสียชีวิตเธอก่อนจะประกาศผลรางวัลแกรมมี่อวอร์ดครั้งที่ 54 ในอีกวัน ซึ่งสื่ออเมริกาและต่างประเทศต่างนำเสนอข่าวการเสียชีวิตของวิตนีย์ ฮิวสตัน
วิสนีย์ ฮุสตันเกิดเมื่อวันที่ 9 สิงหาคม 2506 ในครอบครัวที่มีรายได้ปานกลางในเมืองนวร์ก รัฐนิวเจอร์ซีย์ เธอเป็นลูกสาวทหารและผู้บริหาร จอร์จ รัสเซล ฮุตตัส จูเนียร์ (13 กันยายน 2460 - 2 กุมภาพันธ์ 2546) และเป็นลูกของนักร้องกอสเปล เอมิลี ซิสซี ฮิวสตัน พี่ชายของเธอชื่อไมเคิลเป็นนักร้อง และพี่น้องร่วมบิดายังเป็นอดีตผู้เล่นบาสเก็ตบอล แกรี่ กาแลนด์ พ่อแม่ของเธอทั้งสองคนเป็นแอฟริกันอเมริกัน โดยเธอมีเชื้อสายอเมริกาและดัตซ์ ฮิวสตันเป็นลูกพี่ลูกน้องของนักร้อง ดิออน วอร์วิค และดีดี วอร์วิกเมื่อนับจากฝ่ายมารดา ส่วนแม่อุปถัมภ์ของเธอคือ ดารลีน เลิฟ และป้ากิตติมศักดิ์ของเธอเป็น อารีธา แฟรงคลิน เธอได้พบกับป้ากิตติมศักดิ์เมื่อเธออายุ 8 - 9 ขวบ เมื่อแม่ของเธอพาเธอยังห้องอัดเพลง แต่ก็ยังสัมผัสกับโบสถ์ของคริสต์ หลังเกิดจลาจลในนครนวร์กเมื่อปี 2510 ทำให้ครอบครัวต้องย้ายไปยังอีสต์ออเรนจ์ , นิวเจอร์ซี เมื่อเธออายุสี่ขวบ
เมื่ออายุ 11 , ฮุสตันเริ่มการแสดงในฐานะศิลปะเดี่ยวกับคณะประสานเสียงกลุ่ม กอสเปล ในโบสถ์ New hope baptist ในนครนวร์ก ซึ่งเธอก็ได้รับการเรียนรู้เปียโนด้วย ผลงานการแสดงของเธอในโบสถ์คือเพลง "Guide Me, O Thou Great Jehovah" เมื่อฮูสตันเข้าสู่วัยรุ่น , เธอได้เข้าเรียนที่ Mount Saint Dominic Academy เด็กสาวคาทอลิกในโรงเรียนมํธยมที่เคสเวตย์ , นิวเจอร์ซี เมื่อเธอพบกับเพื่อนที่ดีที่สุดของเธอ ร็อบบิ้น แคลทฟอร์ด ซึ่งเธออธิบายว่า เธอไม่เคยมีน้องสาว เมื่อตอนที่ฮุสตันยังเรียนหนังสือ , แม่ของเธอสอนเธอร้องเพลง และฮุสตันยังได้สัมผัสกับเพลงต่างอาทิ ชากา คาน , แกลดีส์ ไนต์ และ โรเบอร์ตา แฟล็ก ซึ่งทั้งหมดที่กล่าวมามีอิทธิพลต่อเธอในฐานะนักร้องและนักดนตรีอย่างมาก
ฮุสตันในช่วงวัยรุ่นได้ใช่เวลาบางส่วนไปพับที่แม่ของเธอซิสซี่ได้ดำเนินการไว้ , และเธอมักจะได้รับการขึ้นเวทีและการแสดงเป็นบางครั้งบางคราว , ในปี 2520 ขณะอายุ 14 เธอเป็นแบ็คอัพในการร้องให้กับวงไมเคิล เซเจอร์ ในซิงเกิ้ลเพลง "Life's a Party" ในปี 2521 ขณะอายุ 15 เธอได้ร่วมร้องประสานในซิงเกิ้ลเพลง I'm Every Woman ของ ชากา คาน โดยเพลงนั้นได้เริ่มทำให้เป็นที่รู้จักตัวของวิตนีย์และมียอดขายที่สูงสำหรับเพลงประกอบภาพยนตร์ เดอะ บอดี้การ์ด เธอยังร้องแบ็คอัพให้กับอัลบั้มของ Lou Rawls และ Jermaine Jackson
ในต้นยุค 1980s ฮิวสตันทำงานเป็นนางแบบหลังจากที่มีตากล้องไปเห็นเธอใน Carnegie Hall ร้องเพลงกับแม่ ทำให้เธอได้ถูกติดอยู่ในแม็กกาซีน เซเว่นทีน และกลายเป็นหนึ่งในผู้หญิงคนแรกผิวสีที่สง่างามในหน้าปกของนิตยสาร เธอยังเป็นจุดเด่นในหน้าแม็กกาซีน Glamour, Cosmopolitan , Young Miss และปรากฏในโฆษณาเครื่องดิ่ม Canada Dry. รูปลักษณ์และความมีเสนห์ของเธอทำให้กลายเป็นหนึ่งในนางแบบวัยรุ่นในช่วงเวลาขณะนั้น ในขณะเป็นนางแบบ , เธอก็ยังเดินหน้าอัดเพลงโดยมีโปรดิวเซอร์ ไมเคิล เบออินฮอน บิล รัสเวล และ มาร์ติน บิซี ซึ่งเป็นอัลบั้มหัวหอกของพวกเขา One Down จากคณะวง เมททีเรียล หลังโปรเจกต์นั้น , ฮุสตันมีส่วนในเพลง Memerois เพลงโคฟเวอร์โดย ฮิฟ โฮปเปอร์ จากวงซอฟทแมชชีน โรเบริ์ต คริสเกิล จากวง ดิ วิลเลท์ วอยซ์ เรียกผลงานของเธอว่า หนึ่งในเพลงที่งดงามที่คุณเคยได้ยิน" เธอยังได้ร่วมร้องเพลงในอัลบั้ม พอล จูบาราและพ้องเพื่อน ซึ่งเป็นอัลบั้มชุดที่ 4 ของพอล จูบารา วางจำหน่ายโดยค่ายเพลง โคลัมเบีย เรดคอร์ดส เมื่อปี 2526
ในวันที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555 วิทนีย์ถูกพบเสียชีวิตที่โรงแรมเบเวอร์ลีฮิลตัน ในเบเวอร์ลี ฮิลส์, รัฐแคลิฟอร์เนีย ส่วนสาเหตุการเสียชีวิตยังคงไม่เป็นที่แน่ชัด เจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ของเบเวอร์ลีฮิลส์ระบุว่าพบนักร้องสาวในร่างซึ่งไร้การตอบสนองและได้ทำการนวดหัวใจผายปอดกู้ชีพเป็นเวลาประมาณ 20 นาที ก่อนที่จะประกาศว่าเธอได้เสียชีวิตลงแล้ว ณ เวลา 15:55 นาฬิกา ทางด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจระบุว่า "ไม่มีข้อบ่งชี้ใดที่แน่ชัดว่าการเสียชีวิตเป็นเหตุอาชญากรรม"
ผู้มีชื่อเสียงจากหลากหลายแขนงต่างร่วมแสดงความเสียใจตายของวิทนีย์ เช่น ดอลลี พาร์ตันผู้ที่ร้องเพลง ไอวิลออลเวย์สเลิฟยู ซึ่งวิทนีย์นำมาร้องคัฟเวอร์ใหม่แสดงความเห็นว่า "จะยังคงรู้สึกสำนึกและเกรงขามแสดงอันน่าตื่นตะลึงที่เธอได้กระทำกับเพลงของฉัน และขอพูดมันจากก้นบึ้งของหัวใจ 'วิทนีย์ ฉันจะยังคงรักคุณเสมอไป คุณจะยังคงเป็นที่โหยหาจากผู้คน'." ส่วนแม่บุญธรรมของวิทนีย์ อาเรธา แฟรงคลิน กล่าวว่า "มันเป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่อและชวนตกตะลึง ฉันไม่อยากจะเชื่อว่าตัวเองเพิ่งจะได้อ่านข่าวนี้ผ่านหน้าจอโทรทัศน์ไป"
ทางด้านอดีตสามีของวิทนีย์อย่าง บ็อบบี้ บราวน์ ระบุว่าเขา "ร้องไห้ไม่หยุด" หลังจากที่ได้รับทราบข่าวการเสียชีวิต เขาไม่ได้ยกเลิกตารางการแสดงของตัวเองที่กำลังดำเนินอยู่ ภายในหนึ่งชั่วโมงของการตาย บ็อบบี้ได้จุมพิตแล้วโบกไปยังท้องฟ้าพร้อมกับหลั่งน้ำตาก่อนจะพูดว่า "วิทนีย์, ผมรักคุณ" ซึ่งผู้ชมการแสดงของเขาในมิสซิสซิปปีต่างร่วมเป็นสักขีพยาน